การใช้ชีวิตคู่ คือการเปลี่ยนแปลงไปสู่ตัวตนที่ดีขึ้น ชีวิตคู่ก็คือแบบฝึกหัดที่จะเอาความเห็นแก่ตัวออกไป แล้วเอาความเห็นอกเห็นใจคนอื่นเข้ามา มีสมาธิ มีโฟกัสอยู่กับคนคนเดียว กระทั่งเหลือใจเดียวสงบได้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่หลายใจวอกแวกกับใครบ้างก็ไม่รู้ แต่ถ้าคำว่าชีวิตคู่ไม่เคยอยู่ในหัว มีแต่กลัวจะไม่ได้เปลี่ยนรสชาติ อันนั้นจะนำไปสู่การไม่มีใจจริงให้ใคร ไม่มีสมาธิที่จะโฟกัสอยู่กับใคร ไม่พัฒนาความเห็นอกเห็นใจใคร
จิตจึงนิ่งไม่เป็นเห็นแต่ความว้าวุ่นไปกับคาวกามที่ผิดแผก จึงยากจะมีความรู้สึกดีๆ สะอาดๆให้ตัวเอง คนเราไม่มีทางรู้สึกถูกต้อง จากการทำร้ายจิตใจคนอื่นไปเรื่อยๆ บอกเลิกกับใครต่อใครไปเรื่อยๆ เพียงเพื่อจะพบว่าเหลือตัวเองอยู่คนเดียวเป็นคนเดิม คิดแบบเดิม เห็นแก่ตัวเท่าเดิม เหมือนชีวิตผ่านไป ไม่ได้พัฒนาจิตใจขึ้นเลย จิตดิบอย่างไรก็ดิบอย่างนั้น หรือหนักกว่านั้นไม่เห็นแววสุกสว่างกว่าเคยแม้แต่น้อย สุดท้ายสิ่งที่นึกว่าเป็นสีสันเหลือแค่ความฝันที่จับต้องไม่ได้ เป็นที่ยึดเหนี่ยวของจิตใจไม่ได้ โดยเฉพาะในยามเบื่อหน่ายความรู้สึกทางเพศแล้วต้องการความสงบสุขทางใจแล้ว มองไปมองมาก็เห็นแต่ใจที่ไม่จริงของตัวเอง จะกวาดตาหาใครก็เจอแต่ความรู้สึกที่ผิวเผิน ผ่านมาเพื่อจะผ่านไปทั้งนั้น และเหมือนเหลือเวลาไม่พอที่จะรู้จักกับชีวิตแบบลงหลักปักฐานกับใครเสียทีด้วย ครั้นจะไปบวชก็บวชไม่ลงเพราะรู้ตัวว่าขี้เหงาชนิดสายเกินแก้ ตอนเลือกคู่คุณอาจไม่ทราบว่าตัวเองเลือกคู่พัฒนา หรือคู่เสื่อมกันแน่ในระยะยาว
แต่การเลือกที่จะรักษาชีวิตคู่สุดท้ายแม้ไม่สำเร็จ แม้ล้มเหลว แม้ต้องแยกทาง อย่างน้อยคุณก็ผ่านแบบฝึกหัดที่จะมีใจเดียวมีใจที่ไม่รู้สึกผิดปกติ ไม่มีดวงจิตที่แตกแยกเป็นเสี่ยงๆ ไม่ต้องฟุ้งซ่านคิดถึงใครต่อใครในทางต่ำมั่วไปหมด….
ข้อมูล : ธรรมะกับการใช้ชีวิต